โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คืออะไร อาการ วิธีรักษา และวิธีป้องกัน
การเคลื่อนไหวเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันและโรคที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวสามารถมีผลกระทบกับคุณภาพชีวิตของบุคคลที่ป่วย โดยโรคที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวมีหลายประเภท ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มตามลักษณะ ในประเทศไทย ทางกรมการแพทย์ที่สถาบันประสาทวิทยา ระบุว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงได้ทั่วทั้งร่างกาย โดยสาเหตุมีมากมายและสามารถแบ่งออกเป็นภาวะที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงจริงหรือที่รับรู้ได้ กล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างรุนแรง
โดยในบทความนี้เราจะมารู้จักรายละเอียดกับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงให้มากขึ้น มีดังนี้
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงคืออะไร
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือ ALS ย่อมาจาก Amyotrophic Lateral Sclerosis ซึ่งไม่ใช่โรคของกล้ามเนื้อโดยตรง แต่เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ประสาทนำคำสั่ง กล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้เกิดความยากลำบากในการหดตัวของกล้ามเนื้อตามปกติ ส่งผลให้ความแข็งแรงลดลงและความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายลดลงได้ กล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจทำให้กิจกรรมและการเคลื่อนไหวของแขน ขา และร่างกายในแต่ละวันมีความยากลำบากได้
หากเป็นรุนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจรบกวนความสามารถในการเคลื่อนไหว นั่ง ยืน เดิน และรักษาสมดุลของคนไข้ได้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยต้องนั่งรถวีลแชร์ รวมไปถึงบางทีต้องติดลิฟท์บ้าน ขนาดเล็ก เพื่ออำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลงในบ้าน กล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจเกิดจากโรคประจำตัว แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน
สาเหตุเกิดมาจากอะไร
มีหลายข้อสันนิษฐานทางการแพทย์ว่าอาจเกิดจากโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท สารเคมี หรือพันธุกรรม สภาวะสุขภาพหลายอย่างอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ เช่น
โรคแอดดิสัน (Addison’s disease)
เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อเยื่อหุ้มสมองต่อมหมวกไตได้รับความเสียหาย ทำให้ต่อมหมวกไตไม่สามารถผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ คอร์ติซอลและอัลโดสเตอโรนได้เพียงพอ
โรคโลหิตจาง (Anemia)
เป็นโรคที่เกิดเมื่อร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ทำให้นำออกซิเจนไปยังเซลล์และเนื้อเยื่อในอวัยวะต่างๆได้น้อยลง จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ
โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome)
ภาวะความผิดปกติเป็นอาการที่บ่งบอกว่าร่างกายควรพักผ่อน เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายขาดความสมดุลหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต
โรคเบาหวาน (Diabetes)
เป็นภาวะเรื้อรังของการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเกิดการความบกพร่องของการสร้างอินซูลิน หรือของการทำงานของอินซูลิน หรือทั้งสองกรณี โรคเบาหวานมักจะเกี่ยวพันกับโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลายโรค
โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia)
กลุ่มอาการปวดเรื้องรัง โดยอาการปวดมักจะกระจายหลายจุดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะตำแหน่งของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่ออ่อนของร่างกาย
โรคไต (Kidney disease)
ภาวะที่ไตทำงานผิดปกติ มีหลายชื่อเรียก เช่น ไตวาย ไตเสื่อม ไตทำงานลดลง แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ โรคไตเฉียบพลันและโรคไตเรื้อรัง
ความผิดปกติของการนอนหลับ (Sleep disorders)
ผู้ป่วยมักจะมีอาการหลับไม่ต่อเนื่อง หยุดหายใจขณะหลับ ออกซิเจนในเลือดต่ำขณะหลับ ปัสสาวะบ่อย ตื่นมาไม่สดชื่น ปวดศีรษะและ มีอาการง่วงกลางวัน
การวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงทำได้อย่างไร
แพทย์จะเริ่มวินิจฉัยเบื้องต้นจากประวัติและอาการของผู้ป่วยโดยสามารถทำได้หลายแบบ เช่น ตรวจดูการเคลื่อนไหวของเปลือกตาว่าทำได้ตามปกติหรือผิดปกติอย่างไร แพทย์อาจส่งตัวผู้ป่วยไปให้นักประสาทวิทยาหรือจักษุแพทย์วินิจฉัยเพิ่มเติม และอาจมีการทดสอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้ร่วมด้วย
การตรวจวินิจฉัยไฟฟ้าในกล้ามเนื้อ (EMG)
การตรวจวินิจฉัยไฟฟ้าในกล้ามเนื้อ เป็นเทคนิคที่ใช้ตรวจวัดสัญญาณไฟฟ้าในเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ
เครื่องมือทางไฟฟ้ามาตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อร่วมกับประวัติและการตรวจร่างกาย
การตรวจการนำไฟฟ้าของเส้นประสาท (NCS)
การศึกษานี้วัดความสามารถของเส้นประสาทในการส่งแรงกระตุ้นไปยังกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย การทดสอบนี้สามารถระบุได้ว่าคุณมีความเสียหายของเส้นประสาทหรือไม่ การทำ EMG และ NCS มักทำร่วมกันเกือบทุกครั้ง
MRI (Magnetic Resonance Imaging)
การใช้คลื่นวิทยุและสนามแม่เหล็กอันทรงพลัง MRI จะสร้างภาพที่มีรายละเอียดของสมองและไขสันหลัง MRI สามารถตรวจเนื้องอกในไขสันหลัง หมอนรองกระดูกเคลื่อน ในคอ หรืออาการอื่นๆ
การตรวจเลือดและปัสสาวะ (Blood and urine tests)
การวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดและปัสสาวะในห้องปฏิบัติการอาจช่วยแยกสาเหตุอื่นที่เป็นไปได้ของอาการ ALS เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของอาการให้ละเอียดยิ่งขึ้น เนื่องจากอาจจะมีอาการคล้ายโรคอื่น
การเจาะน้ำไขสันหลัง (Spinal tap or Lumbar puncture)
เป็นการผ่าตัดมีทั้งเพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาน้ำไขสันหลังจะถูกเอาออกโดยใช้เข็มขนาดเล็กสอดระหว่างกระดูกสองชิ้นที่หลังส่วนล่าง น้ำไขสันหลังมักนำมาทำในผู้ที่เป็นโรค ALS
การรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงทำอย่างไร
เมื่อทราบสาเหตุของกล้ามเนื้ออ่อนแรงแล้ว ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพจะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม แผนการรักษาของคุณจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริงของกล้ามเนื้ออ่อนแรงและความรุนแรงของอาการ
ตัวเลือกการรักษาอาการที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีดังนี้
รับประทานยา
การรับประทานยาจะเป็นการรักษาตามอาการและเน้นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การรับประทานยาเป็นการรักษาของโรคนี้ โดยยามี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาท กลุ่มที่สอง คือยากดภูมิคุ้มกัน ตามที่แพทย์สั่ง
กายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดสามารถแนะนำการออกกำลังกายเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้
ตัวอย่างเช่น นักกายภาพบำบัดอาจแนะนำการออกกำลังกายแบบมีแรงต้านแบบก้าวหน้าเพื่อช่วยให้ผู้ที่เป็นโรค MS (เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของปลอกประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง) เสริมสร้างกล้ามเนื้อที่อ่อนแอลงจากการขาดการใช้งาน สำหรับผู้ที่เป็นโรค ALS นักกายภาพบำบัดอาจแนะนำให้ยืดกล้ามเนื้อและออกกำลังกายตามระยะของการเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันการตึงของกล้ามเนื้อ
การดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ก่อนอื่นต้องได้รับการวินิจฉัยให้ถูกต้องก่อนจึงสามารถที่จะดูแลได้อย่างถูกวิธี เพราะทำให้การใช้ชีวิตมีความยากลำบาก ดังนั้น Cibes Lift เข้าใจถึงสิ่งนี้และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้สามารถไปไหนมาไหนในบ้านได้สะดวกเหมือนเดิมด้วยลิฟท์บ้าน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลิฟท์บ้านหรู ระบบสกรูของเรา สามารถติดต่อเราได้ที่ https://www.cibeslift.co.th/homelift-form เพื่อรับการติดต่อกลับพร้อมนำเสนอราคา